roomanger2's profile

Register date: April 27, 2021

Orange Beach, Pennsylvania, United States

https://throatdollar7.werite.net/post/2021/05/02/%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8

User Description

อสังหาริมทรัพย์ รับจำนองขายฝาก บริการรับจำนอง เจ้าหนี้ต้องกำหนดเนื้อหาของหนี้รวมทั้งขอบเขตความรับผิดชอบของผู้ค้ำประกันตามมาตรา 681 เดิม กำหนดว่า “การรับประกันเกี่ยวเนื่องถึงหนี้ในอนาคตหรือหนี้สินมีเงื่อนไข จะรับรองไว้เพื่อเรื่องซึ่งหนี้สิน นั้นบางทีอาจเป็นผลได้จริง ก็ประกันได้" มีความหมายว่า ข้อบังคับยอมรับให้ผู้ค้ำประกัน ตกลงเข้ารับประกันในหนี้ที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง อาทิเช่น ลูกหนี้ตกลงกับเจ้าหนี้ว่า ถ้าหากรัฐบาลรับประกันราคาข้าว ที่ 15,000 บาทต่อเกวียน ลูกหนี้จะใช้หนี้ใช้สินปริมาณ 100,000 บาทภายในวันที่ 30 ม.ย. 2558 แบบนี้เป็นหนีในอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น จะเกิดขึ้นต่อเมื่อเงื่อนไขเรื่องการค้ำประกันราคาข้าวเกิดขึ้นจริงก่อนถ้าเกิดรัฐบาลรับสมัครรับรองราคาข้าวที่ 15,000 บาทต่อเกวียนเมื่อใด ก็ก็เลยนับว่ามีหนี้สินต่อกันและมีบทบาทจะต้องชำรำหนี้เกิดขึ้น ซึ่งถ้าเกิดลูกหนี้ไม่ยินยอมจ่ายด้านในตั้งเวลา เจ้าหนี้ก็จะเรียกให้ผู้ค้ำประกันจ่ายแทนได้ในทางปฏิบัติเจ้าหนี้จำนวนมากกลับใช้บทบัญญัติดังที่ได้กล่าวมาแล้วเป็นหนทางที่ทำให้การรับรองเป็นการชำระหนี้อย่างไม่มีขอบเขตจำกัด โดยตั้งเงื่อนไขในอนาคตที่ทำให้ผู้ค้ำประกันไม่มีโอกาสรู้ดีว่าจำเป็นจะต้องยอมรับผิดในมูลหนี้สินใดบ้างเป็นจำนวนเยอะแค่ไหน ตัวอย่างเช่น อสังหาริมทรัพย์ รับจำนองขายฝาก บริการรับจำนอง ระบุว่า หากรัฐบาลรับประกันราคาข้าวที่ 15,000 บาทต่อเกวียน ลูกหนี้จะใช้หนี้เป็นจำนวนเงินทั้งหมดทั้งปวงที่ขายข้าวได้ เป็นต้น ซึ่งการกำหนดเช่นนี้อาจจะก่อให้ผู้ค้ำประกันต้องแบกภาระหนักกว่าที่จะสามารถคาดหวังได้ จึงมีการปรับแต่งในมาตรา 681 ว่า“หนี้ในอนาคตหรือหนี้มีเงื่อนไขจะ...จำต้องระบุวัตถุประสงค์สำหรับในการก่อหนี้รายที่รับประกัน รูปแบบของมูลหนี้สิน จำนวนเงินสูงสุดที่รับประกันและก็ช่วงเวลาในการก่อหนี้ที่จะรับประกัน...คำสัญญารับประกันต้องกำหนดไว้โดยชัดแจ้ง และผู้ค้ำประกันย่อมรับผิดเฉพาะหนี้หรือคำสัญญาที่เจาะจงไว้เท่านั้น”ผู้ค้ำประกันไม่ต้องรับสารภาพอย่างเดียวกับลูกหนี้จากเดิมผู้ค้ำประกันจำเป็นต้องรับผิดร่วมกับลูกหนี้ เมื่อลูกหนี้ไม่ถูกจ่ายหนี้ เจ้าหนี้จะบังคับให้ผู้ค้ำประกันใช้หนี้ใช้สินแทนลูกหนี้ได้ทันที ซึ่งไม่เป็นธรรมแก่ผู้ค้ำประกัน เนื่องจากทำให้ผู้ค้ำประกันมีฐานะเป็นลูกหนี้ในขั้นแรก ด้วยเหตุดังกล่าว กฎหมายใหม่ มาตรา 681/1 ก็เลยกำหนดให้ “ข้อตกลงใดที่กำหนดให้ผู้ค้ำประกันจำต้องยอมสารภาพสิ่งเดียวกับลูกหนี้ร่วม...ข้อตกลงนั้นเป็นโมฆะ”ในประเด็นนี้มีความเห็นอีกมุมจาก บุญทักษ์ หวังรุ่งเรือง ประธานสมาคมแบงค์ไทย ว่าจะส่งผลเสียในวงกว้างทันที เนื่องด้วยปัจจุบันธนาคารพาณิชย์ และรัฐบาลเองถือเป็น ผู้ค้ำประกันรายใหญ่สุดของประเทศ ปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับแผนการขนาดใหญ่ของรัฐบาล ตลอดจนรัฐวิสาหกิจของรัฐบาลที่มีฐานะด้านการเงินไม่ดี ดังเช่นว่า รฟท. ก็จะไม่มีสถาบันการเงินไหนปลดปล่อยสินเชื่อ ช่วงเวลาที่ สมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เห็นตรงกันแล้วก็บ่งบอกปัญหาว่า การแก้กฎหมายดังที่กล่าวผ่านมาแล้วมาจากการคิดว่าการค้ำประกันเงินกู้มีแต่บุคคลสิ่งเดียว จนกระทั่งลืมว่าสถาบันการเงินก็เป็นผู้ค้ำประกันด้วยถ้าลูกหนี้ผิดนัด เจ้าหนี้จะต้องทำหนังสือบอกกล่าวผู้ค้ำประกันภายใน 60 วันจากกฎหมายเดิมที่มีหลักว่าแม้ลูกหนี้ผิดนัดเมื่อใดเจ้าหนี้สามารถที่จะเรียกให้ผู้ค้ำประกันจ่ายหนี้ได้ในทันที แต่ว่าในทางปฏิบัติไม่มีขั้นตอนที่จะทำให้ผู้ค้ำประกันทราบดีว่าลูกหนี้ผิดนัดจ่ายหนี้ และเจ้าหนี้เองชอบทอดเวลาไว้เป็นเวลานานเกินจะเรียกผู้ค้ำประกันมาชำระหนี้แทนลูกหนี้ ทำให้ดอกจากหนี้นั้นเพิ่มปริมาณขึ้น รวมทั้งผู้ค้ำประกันต้องยอมรับผิดในหนี้บรรดาดอกแล้วก็ค่าสินไหมทดแทนซึ่งลูกหนี้ค้างชำระทั้งสิ้น เรื่องนี้ถูกคิดว่าเป็นเหตุให้ผู้ค้ำประกันไม่ได้รับความชอบธรรม เพราะเหตุว่าถ้าผู้คำ้ประกัน อสังหาริมทรัพย์ รับจำนองขาย ฝาก บริการรับจำนอง ได้รู้เมื่อลูกหนี้ผิดนัดก็บางทีอาจเลือกเข้าใช้หนี้ใช้สินแทนทันทีได้ เพื่อจะได้ไม่ต้องแบกรับภาระจากดอกเบี้ยที่มากขึ้นด้วย ข้อบังคับใหม่ ก็เลยปรับปรุงแก้ไขมาตรา 686 กำหนดให้“เมื่อลูกหนี้ผิดนัด ให้เจ้าหนี้มีหนังสือบอกกล่าวไปยังผู้ค้ำประกันข้างในหกสิบวัน...และไม่ว่ากรณีใดเจ้าหนี้จะเรียกให้ผู้ค้ำประกันใช้หนี้ก่อนที่จะหนังสือแจ้งจะไปถึงมิได้...ในกรณีที่เจ้าหนี้ไม่ได้มีหนังสือบอกเล่าภายในกำหนดให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับสารภาพในดอกเบี้ยและก็ค่าสินไหมทดแทน...ที่เกิดขึ้นภายหลังจากพ้นกำหนดช่วงเวลา”ในหัวข้อนี้ ชุลีพร น่วมทนง รองเลขาธิการสโมสรแบงค์ไทย กล่าวว่า หากลูกหนี้ผิดนัด เจ้าหนี้จะต้องแจ้งผู้ค้ำประกันด้านใน 60 วัน จะสร้างความยุ่งยากให้กับเจ้าหนี้ในทางปฏิบัติ การปรับโครงสร้างหนี้ ได้แก่ การลดหนี้ การขอหย่อนเวลา จะต้องให้ผู้ค้ำประกันยอม ซึ่งถ้าผู้ค้ำประกันไม่ยินยอมก็จะเกิดปัญหา รวมทั้งท้ายที่สุดเจ้าหนี้ก็จะต้องฟ้องหากจ่ายไม่ได้ มาตรการเหล่านี้ไม่เอื้อให้เกิดการปรับเปลี่ยนโครงสร้างหนี้ และก็จะกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวมเจ้าหนี้ต้องกำหนดขณะที่แน่นอน จะเขียนคำสัญญาให้ผู้ค้ำประกันยอมล่วงหน้าสำหรับการผ่อนเวลามิได้กฎหมายเดิมมีหลักว่าการผ่อนผันเวลาใช้หนี้ใช้สินให้แก่ลูกหนี้ย่อมทำให้ผู้ค้ำประกันหลุดจากความรับผิด เว้นแต่ว่าผู้ค้ำประกันได้ให้ความยินยอมพร้อมใจกับการผ่อนคลายเวลานั้น ดังเช่นว่า หากตามกำหนดเดิมลูกหนี้จำต้องจ่ายและชำระหนี้ภายในวันที่ 30 เมษายน 2558 แม้กระนั้นเมื่อใกล้ถึงกำหนดเจ้าหนี้เห็นอกเห็นใจลูกหนี้ ก็เลยตกลงกันใหม่ให้ชำระข้างในวันที่ 30 ม.ย. 2559 โดยผู้ค้ำประกันมิได้ตกลงร่วมด้วย เช่นนี้ ถ้าหากถึงกำหนดจ่ายในปี 2559 แล้วลูกหนี้ไม่จ่ายเงิน เจ้าหนี้จะมาเรียกให้ผู้ค่ำประกันชำระหนี้แทนมิได้แล้วแต่ว่าในทางปฏิบัติเจ้าหนี้ที่เป็นสถาบันการเงินบางทีอาจกำหนดไว้ในสัญญาเลยว่า ให้ผู้ค้ำประกันยินยอมล่วงหน้ากับการตกลงผ่อนเวลาชำระหนี้ ทำให้ผู้ค้ำประกันจำเป็นต้องรับภาระเกินเหมาะ จึงมีการปรับปรุงแก้ไข มาตรา 700 ว่า“การค้ำประกันต้องกำหนดในเวลาที่แน่นอน แล้วก็หากเจ้าหนี้ยอมผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้ ผู้ค้ำประกันย่อมหลุดจากความยอมรับผิด เว้นแต่ว่าผู้ค้ำประกันจะได้ตกลงด้วยในการผ่อนเวลานั้น กติกาที่ผู้ค้ำประกันทำไว้ล่วงหน้าก่อนที่จะถึงเวลาอันส่งผลยินยอมให้เจ้าหนี้ผ่อนเวลา ข้อตกลงนั้นใช้บังคับไม่ได้”ผู้จำนองที่ต้องประกันหนี้บุคคลอื่นไม่ต้องยอมรับผิดเกินราคาทรัพย์สินที่จำนองสำหรับเพื่อการกู้ยืมหลายคราลูกหนี้ไม่มีสินทรัพย์ที่จะเอามาใช้เป็นประกัน จึงไปหยิบยืมเอาเงินทองของคนอื่นมาเป็นประกันการใช้หนี้ ดังเช่น นายก. https://postheaven.net/parceltulip3/sanghaarimthraphy-rabcchamn-ngkhaayfaak-brikaarrabcchamn-ng-ekiiywenuue-ngthueng ู้ยืมแบงค์ โดยขอให้นายข. พี่ชาย นำที่ดินของนายข. มาจำนองเป็นประกันการกู้ยืมเงิน แบบนี้ถ้าเกิดนายก. ไม่จ่ายและชำระหนี้ตามที่มีการกำหนด ธนาคารก็บางทีอาจจะยึดที่ดินของนายข. ที่จำนองไว้ เพื่อใช้หนี้ใช้สินแทนได้ในทางปฏิบัติเมื่อลูกหนี้ติดหนี้ เจ้าหนี้จะบังคับจำนำเอากับสินทรัพย์ของผู้จำนอง แต่ว่าถ้าหากเมื่อนำทรัพย์สมบัติที่จำนองออกขายแล้วได้ราคาไม่คุ้มกับจำนวนหนี้ที่ลูกหนี้ค้างชำระ เจ้าหนี้ก็จะบีบบังคับผู้จำนองให้ต้องรับสารภาพสำหรับหนี้ที่เหลืออยู่จนครบปริมาณหัวข้อนี้ถูกมองว่าไม่เป็นธรรมกับผู้ที่นำเงินทองของกระทั่งมาจำนองเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่จริงจริง ในกฎหมายใหม่จึงเพิ่ม มาตรา 727/1 ว่า“เพื่อให้ผู้จำนองหนี้สินที่บุคคลอื่นจำต้องชำระ (ลูกหนี้) ไม่ต้องยอมสารภาพในหนี้ที่เกินราคาทรัพย์สินของตนเอง โดยข้อตกลงใดที่ส่งผลให้ผู้จำนองยอมสารภาพเกินจากนี้ ข้อตกลงนั้นเป็นโมฆะ”ผู้จำนองมีสิทธิแจ้งให้เจ้าหนี้ขายทอดตลาดเงินทอง โดยไม่ต้องฟ้องเป็นคดีต่อศาลในข้อบังคับเดิมไม่มีบัญญัติให้ผู้จำนองขอบังคับจำนำได้ก็เลยเกิดปัญหาว่าผู้รับจำนำบางคราวก็เลือกจะไม่ดำเนินงานบังคับคดีจำนองโดยด่วน เพื่อหวังจะได้รับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ข้อบังคับใหม่จึงเพิ่มบทบัญญัติใหม่ ว่า“มาตรา 729/1 ในเวลาไหนๆภายหลังหนี้สินถึงกำหนดจ่ายหนี้...ผู้จำนองมีสิทธิแจ้งเป็นหนังสือไปยังผู้รับจำนำเพื่อดำเนินการขายทอดตลอดเงินทอง โดยไม่ต้องฟ้องร้องคดีต่อศาล โดยผู้รับจำนำจำต้องดำเนินงานด้านในหนึ่งปีนับแต่ว่าวันที่ได้รับหนังสือแจ้ง....หาก อสังหาริมทรัพย์ รับจำนองขายฝาก บริการรับจำนอง ผู้รับจำนองไม่ปฏิบัติการภายในเวลาที่ระบุ ให้ผู้จำนองพ้นจากความรับสารภาพในดอกเบี้ยและก็ค่าสินไหมทดแทนซึ่่งลูกหนี้ค้างชำระที่เกิดขึ้นคราวหลังวันที่เลยกำหนดเวลาดังที่กล่าวมาข้างต้น” ดังนี้เมื่อผู้รับจำนองขายทอดตลาดเงินที่จำนำได้เงินจำนวนเท่าไร ผู้รับจำนำต้องแบ่งสรรจ่ายหนี้ให้เสร็จสิ้นไป ถ้าเกิดมีเงินเหลือก็จะต้องสิ่งคืนให้แก่ผู้จำนองในหัวข้อนี้ กฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง อธิบายให้เห็นภาพว่าที่ผ่านมาหากเงินทอง ดังเช่น ที่ดินมีมูลค่า 100 ล้านบาท ติดจำนำเพียงแค่ 50 ล้านบาท แต่ว่าเพราะคดีเรื้อรังไป 5 ปี 10 ปี หรือ 15 ปี ทำให้มูลหนี้สินบวกกับดอกมากขึ้นตามช่วงเวลาคดีจาก 50 ล้านบาท เพิ่มเป็น 100 ล้านบาท หรือ 120 ล้านบาท ที่ดินที่เคยมีราคาสูงยิ่งกว่ามูลหนี้สิน ก็กลับราคาแพงน้อยกว่ามูลหนี้สินรวมทั้งดอกรวมกัน กฎหมายใหม่จึงปลดล็อกให้สามารถขายที่ดินได้ทันที และก็เมื่อขายที่ดินได้ 100 ล้านบาทชดใช้เจ้าหนี้ 50 ล้านบาท เงินที่เหลืออีก 50 ล้านบาทจะต้องคืนให้แก่ผู้จำนอง